คือ ปะป๋าครองพิภพ

หนังสือของไอ้แอนนนนนเล่มนี้ เราขอสถาปนาให้เป็น หนังสือที่อ่านจบแล้วอยากลุกขึ้นมาเขียนไดอารี่แบบจริงจังเป็นเล่มที่สาม เล่มแรก คือ ไดของอุดม เล่มแรก หนาๆ จำชื่อไม่ได้ เล่มหลังที่พึ่งออก ห่วยแตก เล่มสอง คือ บันทึกของเรย์ แมคโดนัล บันทึกนั่งรถไฟจากไทยไปยุโรป จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่เหมือนกันของสามเล่มนี้ คือบันทึกชีวิต ที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่ามันมีชีวิต อ่านแล้วมันมีอะไรบางอย่างดึงเราไปรู้สึกกับเนื้อเรื่องตอนนั้น ไม่ได้อ่านแล้วรู้สึกว่ากูอยากเป็นนักเดี่ยวไมโครโฟน กูอยากนั่งรถไฟไปยุโรป กูอยากเป็นพ่อคน แต่อ่านแล้วมันมีแสงรำไร อ่านแล้วอุ่นๆในหัวใจ อ่านแล้วอยากลุกมาเขียนได แม่งคล้องจองซะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งสามเล่ม หาซื้อได้ในงานหนังสือ…

Zip

                      แป้บเดียวเองครับ เหมือนๆตอนรูดซิบกางเกงเวลาปวดฉี่นั่นแหละ แป้บเดียวโล่ง  

ปี้อีโม

ฉันจะจับอีหัวกลมๆในเว็บฟ้อนต์มาปี้กันให้หมด ได้สองตัวละ นี่แหนะ นี่แหนะ ยี้ฮ่า ยี้ฮ่า

Record

อยากเขียนให้จบซักเรื่อง จดไว้ก่อนกันลืม มีเว็บโพสคลิปคล้ายๆทวิตเตอร์ ถ่ายคลิปความผิดแล้วยิงได้เลย

แฟต

เมื่อวานซืนไปงานแฟตมาครับ ขอคุยหน่อยว่าชีวิตผมอยู่กับดนตรีมาตั่งแต่เด็กๆ คือชอบฟังเพลงมาก ตั่งแต่เด็กๆ เด็กคนอื่นเค้าวิ่งเล่นกัน ผมก็อยู่บ้านอ่านการ์ตูนฟังเพลง เข้ามัธยมก็ได้เข้าวงดุริยางค์ เล่นอยู่หกปี ระหว่างนั้นก็หัดเล่นกีตาร์ไปด้วย เก็บเงินซื้อกีตาร์ตัวแรกได้ตอนม.ปลาย เข้ามหาลัยก็ยังเล่นอยู่ ดีดๆฟาดๆตามประสา ก็ฝันเหมือนทุกคนที่เล่นดนตรีเป็นั่นแหละ ว่าอยากมีวงเป็นของตัวเอง แต่ก็รู้ตัวดีว่าพรสวรรค์ไม่ถึงขนาดนั้น เรียนจบ เข้ามาทำงาน ก็ยังชอบฟังเพลงอยู่นะ แต่กีตาร์นานๆถึงจะหยิบมาเล่นที ส่วนฝันก็ลืมเลือนจางหายไปในขณะที่รู้จักโลกมากขึ้น เมื่อวานได้ไปงานแฟต ฝันในตอนเด็กๆมันถูกปลุกอีกครั้ง มันเหมือนเห็นตัวเองเล่นอยู่บนเวทีนั้น เพราะวงที่เล่นอยู่มันหน้าใหม่ด้วยแหละ มันยิ่งบิ้วให้เราอินกับฝันตอนเด็กมากขึ้น ถึงจะกลับเร็ว แต่เมื่อวานก็อารมณ์แฮปปรี้มาก รุ่งขึ้นนัดเจอเพื่อนสมัยมัธยม เข้าพบยากมาก ชื่อไอ้โย่งมีเมียแล้ว…